ทิป 10 ข้อ ที่ทำให้คุณเป็นนักถ่ายรูปที่ดีขึ้น

1

ผมได้มีโอกาสอ่านทิปของนายStephanie Huynh แล้วคิดว่ามีประโยชน์ จึงขอมาบอกต่อนะครับ

1) รอก่อน อย่าเพิ่งรีบดูภาพของคุณ

หลายครั้ง หลังจากคุณถ่ายภาพคุณก็มองภาพของคุณและไปปรับแต่งภาพด้วยความกระวนกระวาย รีบร้อน

บางครั้งคุณก็อยู่ในอารมณ์ที่มีผลกระทบต่อการมองรูป หรือ การที่เพิ่งถ่ายเสร็จแล้วมองรูปเลย คุณอาจมีความคิดเข้าข้างตัวเอง

คุณควรรอซักสองสามวัน แล้วมาดูรูปคุณอีกที การรอเพื่อที่จะมาดูภาพนั้นช่วยลด การเข้าข้างตัวเองของคุณได้

2) ลบเฉพาะรูปที่แย่มากจริงๆ

มีช่างภาพหลายคนจะเถียงว่า ลบทำไม อนาคต โปรแกรมแต่งภาพจะดีขึ้น และจะช่วยจัดการภาพเบลอ ภาพเสียๆ ได้

ตรงนี้มันแล้วแต่คุณครับ

แต่ผมพูดถถึงภาพที่แย่เอามากๆ ส่วนภาพที่คุณคิดว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นั้น ก่อนจะลบ ก็ขอให้พิจารณาซักนิด

ผมพบว่าภาพที่ผมเคยทำเครื่องหมายกากบาทบนโปรแกรม Lightroom จริงๆแล้วมันน่าสนใจนะ  บางครั้งมุมมองความคิดที่เราคิดว่า ภาพไหนดีหรือไม่ดีนั้น มันเปลี่ยนไปได้ การถ่ายรูปเป็นการประสปการณ์การเรียนรู้ที่เปิดกว้างตัวคุณเองไปยังแนวทางใหม่ๆ หรือ สไตล์ที่แตกต่างก็ได้ ในอนาคต คุณอาจค้นพบรูปบางรูปของคุณ ด้วยวิธีการมองแบบใหม่ นอกจากนี้มันจะดีถ้าคุณเก็บรูปของคุณไว้ เพื่อคุณจะได้รู้ว่าคุณมีพัฒนาการแค่ไหนแล้ว

3) ถ่ายด้วยกล้องฟิลม์บ้าง

แม้มันจะต้องจ่ายด้วยราคาที่แพง แต่มันก็เป็นเครื่องมือที่ดีในการที่เป็นศิลปินที่ดีขึ้น ด้วยจำนวนการถ่ายที่จำกัดนั้น ไหนจะค่าล้างฟิลม์อีก คุณจะใส่ใจแลในการแยกแยะรูปที่ดีและรูปที่ถ่ายผิดพลาดมากขึ้น มันบังคับให้คุณคิดก่อนถ่ายมากขึ้น

4) ศึกษาดูงานของช่างภาพคนอื่นบ้าง

คุณจะไม่รู้ว่างานของคุณดีแค่ไหน จนกระทั่งมีงานอื่นมาเปรียบเทียบ  คุณสามารถถ่ายรูปเป็นหมื่นๆรูป และภาคภูมิใจในรูปเหล่านั้น มันเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีใครว่าคุณหรอก แต่ผมอยากแนะนำให้ศึกษาผลงานศิลปินท่านอื่นดูบ้าง
การที่คุณมาศึกษางานของเหล่าเซียนๆ นั้น มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้คุณอ่อนน้อมถ่อมตนขึ้น ดู ตัวอย่าง ผลงานระดับปรมาจารย์ ที่นี่ และมันก็เป็นการป้องกันคุณจากหลุมที่เรียกว่า “หมดไอเดีย” วิธีนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีเมื่อคุณรู้สึกเบื่อกับรูปของคุณ

5) ไปเรียนวาดภาพระบายสีซะบ้าง

ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ผมได้จับกล้อง ผมอยากที่จะเรียนระบายสี ผมชอบเวลาผสมสีและคิดวาดฉาก และการถ่ายทอดความรู้สึกของผม ไปยังตัวละคร
ผมเลยลงทะเบียนเรียนในมหาลัยศิลปะ ในชุมชนแห่งนึง มันได้ให้รากฐานที่สำคัญของการถ่ายภาพของผม ครูของเราดูแลเราอย่างใกล้ชิด และสอนเราเกี่ยวกับแสง พื้นที่ว่าง และการจัดองค์ประกอบ เป็นหลักพื้นฐานที่ช่างภาพควรจะเรียนรู้ มันช่วยให้คุณต่อยอดในเส้นทางเดินของคุณได้ไกลขึ้น

6) อย่าไปฟังเพื่อนหรือครอบครัวคุณ

ผมได้ฟังคำแนะนำนี้มาบ่อย และมันก็เป็นประโยชน์มาก เพื่อนคุณและครอบครัวคุณเป็นคนที่อยากช่วยเหลือคุณมาก แต่เพราะเหตุนี้เอง พวกเขาทำให้การไปยังเป้าหมายของเรายากขึ้น พูดแบบไม่มีอคติเลยนะ หากมองในตัวงานของคุณพวกเขาชื่นชอบมันมาก และอาจตามไปกดถูกใจใน social media ต่างๆ แต่ผมพบว่า การสรรเสริญชื่นชมมากเกินไปนี้ มันอาจเป็นการหลอกตา จริงๆมันไม่ได้สวยและเลิศเลออะไรขนาดนั้น คุณอาจไปเข้าร่วมกระทู้หรือที่ๆแลกเปลี่ยน แนะนำติชมรูปได้ตามเว็บต่างๆ หรือ ไปขอคำแนะนำจากศิลปินที่คุณชื่นชอบ

7) ขอให้ศิลปินระดับมืออาชีพที่คุณชื่นชอบมารีวิว หรือให้คำแนะนำ รูปใน portfolio ของคุณ

ในส่วนนี้อาจมีค่าใช้จ่ายมาเกี่ยวข้อง แต่เชื่อเถอะว่ามันคุ้มมากที่ระดับมืออาชีพมาให้คำแนะนำติติงในรูปของคุณ คุณอาจขอให้เขาช่วยลำดับภาพใน portfolio ของคุณได้ด้วย และเป็นการดีกว่านั้น หากคุณไปเข้าร่วมเวิร์คช็อปของช่างภาพมืออาชีพเหล่านั้น เขาจะให้คำแนะนำคุณเป็นกอบเป็นกำเลยละ

8) พยายามเข้าถึงและถ่ายสิ่งสำคัญของสถานที่นั้นๆ

การถ่ายสิ่งสำคัญหรือจุดเด่นของสถานที่นั้นคือจิตวิญญาณของภาพนั้น หากปราศจากมันแล้ว มันยากที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวหลังเบื้องหลังภาพของคุณ

เมื่อคุณไปถ่ายสถานที่ คุณควรพักสักครู่ แล้วพยายามสัมผัสถึงบรรยากาศ สัมผัสแก่นแท้ของสถานที่นั้น และเชื่อมต่อกับมัน มันอาจให้เวลาซะหน่อยที่คุณจะได้ความรู้สึกนั้นมา มันอาจฟังดูนามธรรมนะครับเดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างให้ดู

ผมไปเที่ยวซิดนีย์ครั้งแรก ผมได้ถ่ายรูปรถตู้ไอศกรีม ในวันที่ฟ้าใสสวยงาม ฉันรู้สึกว่ามันเป็นถารถ่ายที่ดีมาก เก็บได้ทั้งความสวยงามและการเคลื่อนไหวของผู้คนในเมือง

มาดูอีกตัวอย่าง เมื่อคุณไปเมือง Puerto Escondido ที่โดดเด่นด้านการโต้คลื่น อะไรจะดีไปกว่าการถ่ายการโต้คลื่นและมีเมืองเป็นฉากหลัง

และนี่ก็เป็นการถ่ายสิ่งสำคัญของสถานที่

9) ตกหลุกรักในการถ่ายภาพ

ผู้ที่รักการถ่ายภาพ เขาจะดื่มด่ำกับศึกษางานศิลปะของคนศิลปินที่เขาชอบ ศึกษาประวัติศาสตร์ของการถ่ายภาพ  สนุกกับการศิลปะการถ่ายภาพ

10) จดจ่อกับหนังสือให้มากขึ้น กับอุปกรณ์ให้น้อยลง

มันเป็นไปได้ยากที่จะไม่ชื่นชมในกล้องดีๆ เลนส์สวยๆ  แต่การวุ่นวายกับการหาอุปกรณ์ล่าสุดหรือดีที่สุดมันไม่ได้ทำให้ภาพของคุณดีขึ้นนักหรอก หากคุณยังรู้จักศัพท์ทางศิลปะไม่กี่คำ ไม่รู้จักขนขวายหาความรู้ คุณควรจะลงทุนกับงานศิลปะที่ให้แรงบรรดาลใจ จากหลากหลายศิลปิน ดูการเรียงลำดับ เรียนรู้สไตล์ของพวกเขา ฉันรู้สึกได้ว่ามันสำคัญมากกว่าที่คุณไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง การเรียนรู้ว่าภาพไหนดีมันอาจทำไม่ได้หากคุณมัวแต่ถ่ายอยู่คนเดียว มีศิลปินมากมายหลายสไตล์ที่จะเป็นแรงปรรดาลใจให้คุณได้ สิ่งสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก คือเรื่อ ทฤษฎีสี การจัดองค์ประกอบ เมคนิคเรื่องแสง มันทำให้ภาพของคุณก้าวหน้าไปในระดับที่สูงขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องทำตามตลอด แต่เมื่อคุณต้องการมัน  มันจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกล้องให้เป็นไปตามภาพที่คุณคิดไว้ในหัวได้

ผมชอบภาพด้านล่างนี้เพราะมันใช้เทคนิคจัดองคประกอบแบบง่ายๆ และการสอดคล้องกันของฉากหน้าและฉากหลัง แต่ถ้าปราศจากความรู้ง่ายๆแบบนี้ คุณก็ไม่มีทางทราบว่ามีเทคนิคหรือ แนวความคิดอะไรแบบนี้ด้วยหรือ

ก่อนจาก ผมอยากฝากคำแนะนำของ Mark Twain ไว้ว่า

คุณไม่สามารถพึ่งพาสายตาของคุณได้ หากจินตนาการของคุณไม่ชัดเจน

 

Credits : Stephanie Huynh digital-photography-school adorama