
ไปอ่านเจอบทความนึง เกี่ยวกับสี CURVES, COLOR AND MAGIC ของ Photoshop มาใน diyphotography เป็นบทความนึงที่ยาว แต่คิดว่ามีประโยชน์ เลยมาแปลให้อ่านกัน เริ่มกันเลยดีกว่า
ทุกอย่างในภาพเกิดจากสีสามสีคือ แดง,เขียว และ น้ำเงิน (RGB)
ภาพด้านบนนี้วงกลมแต่ละวงถูกแยกเป็นแต่ละเลเยอร์ โดยสีแดงมีค่า RGB 255-0-0 สีเขียวมีค่า RGB 0-255-0 สีน้ำเงินมีค่า 0-0-255 และแต่ละเลเยอร์ใช้ blending mode เป็นแบบ screen และมีพื้นหลังสีดำ
โดยเมื่อแม่สี(ทางแสง)ซ้อนกันก็จะเกิด สีย่อยออกมาคือ สีฟ้า(Cyan), สีม่วงแดง(Magenta) และสีเหลือง (Yellow)
และตรงกลางจะได้สีขาวนั่นคือ 255-255-255
ความเปลี่ยนแปลงของความสว่างแต่ละอันจะสร้างช่วงสีทั้งหมดที่เรามองเห็นได้
และเราต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ของโทนสีอีกด้วย นี่เป็น วงล้อสี RGB
เราจะเห็นแม่สีและสีย่อย(secondaries) อยู่ตรงข้ามกัน เช่น แดง-ฟ้า, เขียว-ม่วงแดง, น้ำเงิน-เหลือง
ซึ่งทุกสีที่เราเห็นนั้นมาจากสามสีนั่นเอง
นี่เป็นภาพ Gradiants ไล่แม่สี ดังภาพ และใช้ blending mode เป็นแบบ screen
เมื่อสีที่เห็นทั้งหมดมาจากสามสี ภาพที่คุณเห็นก็เช่นกัน
เมื่อแยกออกมาเป็น 3 เลเยอร์จะได้แบบนี้
และเพื่อที่จะได้สีขาว เราจำเป็นต้องใช้ค่า 255-255-255 ดังรูปทั้งสามสีจะเข้มในส่วนด้านบน หากอยากได้สีดำให้ใช้ 0-0-0 หากอยากได้สีเทาใช้ 128-128-128
ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นจะเป็นส่วนสำคัญในการเข้าใจเรื่อง CURVES
curves ทำงานร่วมกับ 3 สี เพื่อเปลี่ยนแปลงภาพ
สมมติคุณลองดึง Curves ขึ้นแบบนี้
จริงๆแล้วมันจะดึงสีทั้งสามขึ้นพร้อมๆกัน
curve จริงๆแล้วมี 16 จุดที่สามารถเปลี่ยนได้ แต่มีจุดหลักๆคือ
ส่วนดำ(black point), ส่วนเงา(shadows),ส่วน mid-tones, ส่วน highlights และ ส่วนขาว (white point)
คุณสามารถใช้เครื่องมือ รูปมือ ดูได้ว่าภาพที่คุณชี้นั้นอยู่ส่วนไหน จากตัวอย่างนี่จะอยู่แถว Highlights
และ curve ยังมีเครื่องมือที่เรียกว่า eyedropper ที่ช่วยเลือกสามจุดหลัก คือ ดำ เทา และ ขาว
มันสามารถปรับสีและ contrast ให้อัตโนมัติ เมื่อเราเลือกสีขาวและจิ้มไปในภาพ มันจะทำให้ส่วนนั้นเป็นสีขาว (ส่วนอื่นอาจสว่างตามไปด้วย)
มีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณหาจุดมืดสุดและสว่างสุดได้อย่างแม่นยำ คือ Threshold
เลื่อน threshold ไปด้านซ้าย มันทำให้ทั้งภาพดูขาว ยกเว้นส่วนที่มืดที่สุด
เลื่อน threshold ไปด้านขวา มันทำให้ทั้งภาพดูดำมืด ยกเว้นส่วนที่สว่างที่สุด
เมื่อรู้จุดมืดและสว่างสุด เราสามารถใช้มันเพื่อมาปรับใช้ eyedropper (เลือกขาว/ดำ)ใน curve ได้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น
โดย curve จะปรับภาพให้อัตโนมัติเพื่อแก้สีให้ถูกต้อง
คราวนี้เราลองมาปรับแก้โดยเราเองดีกว่า
เรามาเปลี่ยนสีแดงให้เป้นสีส้มกันเถอะ
อย่างแรกเราต้องรู้ก่อนว่าสีแดงมี RGB คือ 255-0-0
สีส้มจะมีค่า RGB คือ 255-128-0
ที่ต่างคือสีส้มมีค่าสีเขียว(G)อยู่ที่ 128 เราก็ดึงสีเขียวขึ้นไปจาก 0 เป็น 128 ก็จะได้สีส้ม
การนำเข้า(input) และส่งออก (ouput) เป็นการทำงานของ curve
เริ่มแรก curve จะเป็นเส้นทะแยง โดยถ้ายทำงานใน RGB ด้านบนขวาจะเป็นส่วนที่สว่าง และ ล่างขวาจะมืด โดยแกนนอนจะแสดงถึงค่า input (ค่าปัจจุบันของภาพ) แกนตั้งแสดงถึง output หรือค่าหลังจากที่คุณปรับแต่งมัน
นี่เป็น curve เมื่อแยกสี
และส่งผลต่อภาพประมาณนี้
จากตัวอย่างส่วนสีแดง(บนซ้าย)เป็นการดึงขึ้นจากค่า 128 ไปด้านบน และ ดึงลงจากค่า 128 จะได้ภาพส่วนล่างขวา ส่วน green และ blue ก็เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ curves ก็ยังสามารถเปลี่ยนค่า saturation ของสีได้ด้วย ไม่ใช่แค่ hue/luminosity
ย้อนกลับไปสีส้มที่เปลี่ยนมาจากสีแดงด้านบน คราวนี้เราจะมาทำสีครีม
อย่างที่คุณทราบว่าหากอยากได้สีขาวให้ใช้ค่า RGB 255-255-255 หากอยากได้สีเทาจะเป็นค่า 128-128-128 ตอนนี้คุณมีสีส้ม 255-128-0 คุณอยากได้สีส้มที่สว่างกว่าเดิมเพื่อเป็นสีครีม 220-190-150
ดังนั้น
สีแดงต้องลดส่วน white point จาก 255 เป็น 220
สีเขียวเพิ่มส่วน mid tones จาก 128 เป็น 190
สีน้ำเงินดึงส่วน black point จาก 0 เปลี่ยนเป็น 150
ผลลัพธ์จะได้ประมาณนี้
จำเป็นต้องใช้ตัวเลขหรือจำมันหรือป่าว จริงๆแล้วไม่ต้อง การรู้เลขนี้เพื่อความเป๊ะทางคณิตศาสตร์ แต่คุณสามารถทำมันได้โดยใช้แต่ตาของคุณและเข้าใจวงล้อสี
จะเห็นว่ามีแค่ 3 channel แดง เขียว และ น้ำเงิน หากคุณต้องการเหลือง ให้ลบน้ำเงินออกไป
คราวนี้หากต้องการเปลี่ยนสีเทาเป็นสีครีม ก็ให้เอาสีน้ำเงินลงและสีแดงขึ้นดังภาพ อาจมืดๆก็เพิ่มความสว่างโดยดึง RGB ขึ้น
นี่ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องรู้ค่าตัวเลข แต่ต้องรู้วงล้อสี และ ผลลัพธ์แบบเดียวกันก็อาจมาจาก curve ที่แตกต่างกันก็ได้
อันล่างใช้เลขอ้างอิงทางคณิตศาสตร์เป็นหลัก ส่วนก่อนหน้านั้นใช้ความรู้เรื่องวงล้อสี ถ้าอยากได้สีครีม หรือ skin tone ใช้ แดงเหลือง และให้มันสว่างหน่อย
คราวนี้เปลี่ยนสีดำเป็น skin tone โดยสีดำมีค่าสี 0-0-0
ต้องดึงสีเขียวขึ้น
การเปลียนสีขาวเป็นสีครีม ไม่สามารถเปลี่ยนส่วน mid tone หรือ ดำ ได้ มันจะไม่มีผลต่อภาพ สีขาวมีค่า 255-255-255 ไม่สามารถเพิ่มแสงได้ เพราะมันสว่างสุดอยู่แล้ว ที่ต้องทำคือลดสีต่างๆ
ตอนนี้คุณได้รู้แล้วถึงการเปลี่ยนของสีขาว สีดำและ midtones เพื่อให้ได้สี
การเลือก mid tones สามารถทำได้โดยใช้ color range ใน เมนู select จะมี option ให้เลือก midtone
โดยภาพส่วนใหญ่จะมีอยู่ทุก Channels และมักจะอยู่ในช่วง Midtone
นั่นหมายความว่า ภาพจะมีการเปลี่ยนแปลงหากเราดึง Curve จาก midpoint (ค่า input 128)
แต่มันไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอ บางครั้ง เรามีภาพที่มืดหรือสว่างไป หรือสีจัดเกินไป (too saturated ) เราต้องเข้าใจ เรื่องการทำงานของ Curve กับสีด้วย
สีเหล่านี้ถูกจงใจให้มีค่า sat/lum 100%
ลองมาดูแต่ละ Channel ว่าจะมีลักษณะอย่างไร
สีแดง
สีเขียว
สีน้ำเงิน
จะเห็นว่าส่วนที่เป็นสีนั้นมีส่วนของ Midtone อยู่น้อย
มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจก่อนว่าในแต่ละสีนั้น เป็นสีดำและขาวซะส่วนใหญ่ ซึ่งมันจะไม่มีผลกระทบเมื่อดึง Curve จาก midtone มันจะมีค่า 255 อยู่ 1 หรือ 2 ค่า จากทั้งสามค่า และอีกค่า หนึ่งเป็น 0 ดังนั้นใน channels ส่วนใหญ่จะเป็นขาวดำ มี midtone อยู่นิดหน่อย
ถ้าเราดึง Curve สีน้ำเงิน จาก Midtone มันจะกระทบเฉพาะส่วน Midtone สีเทาเท่านั้น
และเมื่อเราเปลี่ยนจากจุดสิ้นสุด(input ขาว และ ดำ) มันจะเป็นการเปลี่ยนความสว่างด้วย จากภาพจะเห็นได้ว่านอกจากจะสีน้ำเงินขึ้นแล้วยังมีความสว่างมากขึ้นอีกด้วย ถ้าเราเปลี่ยนจากจุด Black หรือ White ภาพจะมี Contrast เพิ่มขึ้นหรือลดลงอีกด้วย
มาดูตัวอย่างการประยุกต์ใช้เพิ่มเติมกันดีกว่า
จากภาพสีรอบดวงตาเป็นสีแดง
จริงๆไม่เชิงสีแดงเป็นสีชมพูมากกว่า
คราวนี้เราต้องการเปลี่ยนสีชมพูเป็นสีส้ม เราเริ่มจาก midtone (ภาพของเรามี grey tone เป็นส่วนใหญ่) เราก็เอาสีน้ำเงินออกไปนิด เพิ่มสีเขียวเข้าไปหน่อย จะได้ภาพที่โทนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ และ ไม่สูญเสีย saturation ไปอีกด้วย
จากตัวอย่างคุณสามารถนำไปใช้ได้อีกมาก อย่าลืม เรื่องวงล้อสี RGB และความสัมพันธ์ระหว่างสี
credits: diyphotography