Master Photographer ชื่อดังแห่งอเมริกา หลายคนคงรู้จักกันดีกับ Elliott Erwitt เขาถ่ายภาพระดับ iconic ไว้หลายภาพ รวมถึงภาพสุนัขตลกๆ เยอะเช่นกัน

Erwitt เกิดที่กรุงปารีสเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปี 1928 เป็นลูกของพ่อแม่ชาวยิว – รัสเซีย เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กของเขาในมิลาน ประเทศอิตาลี จากนั้น เมื่ออายุได้ 10 ขวบจึงย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกากับครอบครัวในปี 1939 ในปี 1953 เขาได้ร่วมงานกับ Magnum Photos ในฐานะช่างภาพอิสระและดำรงตำแหน่งประธานของ Magnum เป็นเวลาสามปีในช่วงปลายทศวรรษ 1960
เคล็ดลับความสำเร็จของเขาสำหรับการทำคอลเลคชั่นส่วนตัวคือนำกล้อง 2 ตัวไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย ตัวหนึ่งสำหรับลูกค้า อีกตัวสำหรับตัวเอง

หากถามเขาว่าทำอย่างไรจึงจะจัดการงานต่างๆมากมายได้เป็นเวลาหลายปี เขาตอบแบบรวดเร็วว่า “ผมใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูง” หากถามต่อว่าทำไมถึงชอบถ่ายรูปหมา เขาตอบว่า “เพราะพวกมันไม่เคยขอให้ถ่ายรูป”
ไปฟังการพูดคุยสัมภาษณ์ของเขากัน (บทสัมภาษณ์มีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อความกระชับชัดเจนขึ้น)
บอกหน่อยได้ไหม คุณเข้ามาในวงการถ่ายภาพได้อย่างไร
Elliott Erwitt: ฉันเริ่มด้วยการชมงานของคนอื่นก่อน ช่างภาพคนที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันคือช่างภาพชาวฝรั่งเศส Henri Cartier-Bresson ฉันเห็นในแคตตาล็อกจากการแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Museum of Modern Art) ต่อมาฉันเรียนหลักสูตรที่ City College ในลอสแองเจลิส แต่ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าฉันได้อะไรจากมันมากนัก มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ด้านจรวด หากคือการถ่ายภาพ
คุณมีสุนัขตัวโปรดที่อาศัยอยู่กับคุณเป็นเวลา 17 ปี เขาสร้างแรงบันดาลใจให้คุณถ่ายภาพสุนัขหรืออย่างไร?
Elliott Erwitt: ฉันคิดว่าสุนัขก็เหมือนคนในเวอร์ชั่นขนเยอะนะ พวกมันแสนรู้ และมีจิตใจที่ดี ให้ความร่วมมือดี

คุณเคยบอกว่า ที่คุณถ่ายภาพสุนัข เพราะพวกมันไม่เคยขอภาพถ่ายจากคุณ?
Elliott Erwitt: ถูกต้อง
ให้เลือกรูปถ่ายรูปเดียวที่แขวนขนาดใหญ่สูง 6×4 ฟุตในห้องนั่งเล่นของคุณ คุณจะเลือกภาพใด ?
Elliott Erwitt: ตอนนี้เลยหรอ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเด็กๆของฉันซักคนนึง (one of my children)
ถ้าไม่เอารูปครอบครัวจะเลือกภาพไหน ?
Elliott Erwitt: มันไม่จำเป็นต้องเป็นภาพที่ดีมากๆ มันอาจเป็นภาพที่เรียบง่ายที่สามารถทักทายฉันได้
เป็นภาพสุนัขหรือคน ?
Elliott Erwitt: (เงียบไปซักพัก) ผมไม่รู้

ถ้าพรุ่งนี้คุณอายุ 25 ปีคุณจะถ่ายอะไร
Elliott Erwitt: คุณหมายถึงตอนนี้หรอ
ใช่ ถ่ายคุณเลือกได้เลยว่าจะถ่ายใครก็ได้ ถ่ายที่ไหนก็ได้ คุณอยากถ่ายอะไร
Elliott Erwitt: ผมจะไปสถานที่ที่น่าสนใจ โดยปราศจากเป้าหมาย
คุณจะถ่ายคนดัง? ชายข้างถนน ? สถาปัตยกรรม?
Elliott Erwitt: บางสิ่งที่ดึงดูดใจ ฉันมี 2 กล้อง กล้องส่วนตัวและกล้องงาน กล้องงานไว้ถ่ายสิ่งที่ได้รับมอบหมายมา

มันจะเป็นกล้องฟิล์มหรือดิจิตอล
Elliott Erwitt: กล้องส่วนตัวฉันจะใช้กล้องฟิล์ม อาจเป็น Leica M3 มันเป็นกล้องที่ดีมากๆ
จะใช้เลนส์อะไร?
Elliott Erwitt: 3 เลนส์ ระยะคู่ใจของฉันคือ 35mm, 50mm, 135mm
ฟิล์มตัวไหนที่คุณจะใช้อยู่ในปัจจุบัน ถ้ามันจะมีอยู่?
Elliott Erwitt: Kodak Tri-X
จำได้ซิ

คุณจำได้ไหมว่า Nixon (ประธานธิปดี) ขโมยรูปภาพ Khrushchev ของคุณและใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง? คุณรู้สึกอย่างไร? ประท้วงไหม
Elliott Erwitt:ไม่เลย กลับดีใจด้วยซ้ำ ที่มันเป็นภาพที่มีนัยสำคัญ
คุณเคยถ่ายคนดังอย่าง Marlene Dietrich, Jacqueline Kennedy Onassis, Marilyn Monroe, Fidel Castro, Che Guevara และอีกมากมาย ใครเป็นคนที่คุณชอบที่สุด
Elliott Erwitt:ไม่รู้ซิ ฉันไม่เคยคิดเลย

อะไรดึงดูดให้คุณถ่ายภาพมาริลีน มอนโร
Elliott Erwitt: ฉันแค่มีโอกาส ฉันได้พบเธอในกองถ่าย หลายๆกองถ่าย มันเป็นเรื่องยากที่จะถ่ายเธอให้ออกมาดูแย่ เธอเป็นดาราที่แท้จริง
คุณคิดอย่างไรกับ Photoshop
Elliott Erwitt:มันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์
คุณได้ใช้มันไหม
Elliott Erwitt:ใช้สำหรับงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับมัน

ในสมัยก่อนในห้องมืด เราควบคุมคอนทราสต์โดยใช้กระดาษเกรดต่างๆ เรา Dodge Burn งานพิมพ์ คุณเคยปรับพวกนี้ใน Photoshop หรือดึงรายละเอียดในเงามืดออกมาหรือไม่? คุณพบว่าสไตล์ห้องมืดแบบนั้นทำงานใน Photoshop ได้อย่างไร?
Elliott Erwitt:การพิมพ์ภาพเนกาทีฟที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็น Photoshop ใช้แก้ไขภาพที่คุณไม่ได้ถ่าย
ผมไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงใบหน้าหรือแก้ไขขนาดนั้น แค่เล็กๆน้อยๆเช่น doge & burn
Elliott Erwitt:นั่นมันยอมรับได้
เล่าเรื่องหนังสือเล่มใหม่ของคุณหน่อย ชื่อ Found and Lost มาจากไหน
Elliott Erwitt:อันที่จริงผู้ออกแบบหนังสือเป็นคนคิดขึ้นมา

โปรเจคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
Elliott Erwitt:เกิดจากมีภาพบางภาพที่ดีแต่ไม่ได้ถูกพิมพ์ออกมา อาจดีกว่าที่เคยพิมพ์ด้วยซ้ำ
คุณไม่เห็นมันใน contact sheets?
Elliott Erwitt:มันเกิดขึ้นได้บ่อย ขณะถ่ายภาพเราก็อินกับการถ่าย และสิ่งที่เราสนใจ หลายภาพที่ไม่ได้เป็นงานจ้าง และเมื่อมองผ่านๆ เราก็อาจพลาดบางภาพไปก็ได้
คุณกำลังจะบอกว่าช่วงวัย 20 ปีนั้นคุณได้ถ่ายภาพที่ดีเอาไว้ แต่ยังไม่เข้าใจว่าเป็นภาพที่ดี แต่ใน 70 ปีใหม่หลังคุณกลับเห็นมัน?
Elliott Erwitt:ใช่ คนเราสามารถพลาดภาพดีๆไปได้ การถ่ายภาพคือการตอบสนองต่องสิ่งที่เราเห็นและสิ่งที่คิดว่าเราเห็น มันง่ายที่จะมองข้ามภาพดีๆ จนกว่าจะมองมันในอีกสถานการณ์หนึ่ง
คุณเคยถ่ายภาพกับ iPhone ไหม
Elliott Erwitt:เคยถ่ายลูกๆผม 2-3 ภาพ
คุณรู้สึกอย่างไรกับภาพสีบน iPhone เมื่อเทียบกับภาพขาวดำที่คุณเคยถ่ายมา 70 ปี
Elliott Erwitt:ภาพขาวดำมันยังคงเป็นที่สุดของฉันอยู่
คุณเคยใช้ฟิล์มสีไหม
Elliott Erwitt:ก็เคยใช้ในงานที่ได้รับมอบหมาย
แต่คุณก็มีหนังสือ Elliott Erwitt’s Kolor ที่เป็นภาพสีไม่ใช่หรอ?
Elliott Erwitt:ใช่ ฉันไม่ต้องการจะปฏิเสธภาพสีของฉัน ฉันไม่ชอบมีกฏ ฉันแค่ชอบถ่ายภาพ พิมพ์มันออกมา และจัดแสดง

คุณเข้าร่วม Magnum Photo ปี 1953 ได้อย่างไร?
Elliott Erwitt:ฉันเพิ่งเริ่มต้นเป็นช่างภาพ และถ่ายภาพประเภทที่สมาชิกของ Magnum ถ่าย แล้วฉันก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วม Magnum โดยหนึ่งในผู้ก่อตั้งคือ Robert Capa
Edward Steichen และ Roy Stryker สองคนนี้มีบทบาทในอาชีพการงานของคุณอย่างไร?
Elliott Erwitt:พวกเขาเป็นพี่เลี้ยงผม
Roy Styker ได้มอบหมายงานคุณใช่ไหม
Elliott Erwitt:ใช่ ตัวอย่างเช่นถ่าย Pittsburgh กับกลุ่มช่างภาพ โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์เปลี่ยน Pittsburgh เก่าให้เป็นเมืองใหม่ และเราได้บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว

ผมจำได้ว่าคุณได้ถ่ายภาพ Jackie Kennedy ร้องไห้หน้าหลุมศพ JFK คุณจำได้ไหม
Elliott Erwitt:จำได้แม่นเล่น เขาเป็นผู้หญิงที่เศร้ามาก หลังประธานาธิบดี Kennedy ถูกสังหารชีวิต
เมื่อคุณย้อนกลับไปดูรูปนั้น วันนี้คุณเห็นอะไร?
Elliott Erwitt:ผมว่าผมโชคดี
ทำไมครับ?
Elliott Erwitt:มันเป็นช่วงการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ และไม่ง่ายเลยที่สามารถเข้าถึงแบบนั้นได้อีก

คุณคิดเห็นอย่างไรกับกล้องดิจิตอล?
Elliott Erwitt:ผมหวังว่าผมจะเข้าใจมัน บางคนใช้มันได้ดี บางคนก็ไม่
ในรูปแบบดิจิตอล คุณจะได้ภาพ เห็นผลและรับคำติชมได้ทันที และคุณสามารถตัดต่อได้ คุณคิดว่ามันมีประโยชน์ หรือทำให้เสียสมาธิในการถ่ายภาพจริงๆ
Elliott Erwitt:ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์แค่ไหน แต่เมื่อคุณโฟกัสว่าต้องมาตัดต่อ คุณจะไม่ได้ตั้งใจวางองค์ประกอบให้ดี แม้บางครั้งคุณมาแต่งภาพแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ดีพอสำหรับลูกค้า
Elliott Erwitt:คุณใช้กล้องดิจิตอลตัวไหนอยู่
ผมใช้กล้องดิจิตอลสำหรับงานที่ได้รับมอบหมายบางตัว โซนี่ก็เป็นหนึ่งในกล้องนั้น
จำรุ่นได้ไหม
Elliott Erwitt:จำไม่ได้เลย เหมือนว่ากล้องจะออกมาทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน ยากจะติดตาม
มันยากที่ทุกคนจะตามทัน
Elliott Erwitt:ไม่จำเป็นต้องตาม

ในทศวรรษที่ 80 คุณสร้างภาพยนตร์ตลกให้กับ HBO อะไรทำให้คุณเปลี่ยนจากภาพนิ่งเป็นภาพเคลื่อนไหว อะไรคือแรงจูงใจของคุณ?
Elliott Erwitt:ภาพยนตร์เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ฉันยังคงถ่ายภาพ และสร้างภาพยนตร์ 18 เรื่องสำหรับ HBO ซึ่งเป็นงานที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่ก็สนุกมาก
เล่าช่วงที่คุณถ่าย Fidel Castro(หัวหน้านักปฏิวัติในคิวบา) ให้ฟังหน่อย
Elliott Erwitt:มันราบรื่นมาก ฉันเข้าไปอยู่ในกลุ่มภาพยนต์แคนาดาและได้เข้าถึงนักปฏิวัติ
คุณใช้เวลานานแค่ไหนกับ Fidel Castro และ Che Guevara?
Elliott Erwitt:ประมาณ 1 อาทิตย์ พวกเขาสามารถเข้าถึงได้อย่างน่าอัศจรรย์ในเวลานั้น
เล่าเรื่องการถ่าย John F. Kennedy ใน White House ให้ฟังหน่อยครับ
Elliott Erwitt: ฉันทำงานที่ได้รับมอบหมายห้าอย่างเพื่อบันทึกประสบการณ์การทำสงครามของเคนเนดี ในชื่อเรื่อง PT 109: An American Epic of War, Survival and the Destiny of John F. Kennedy
คุณสนุกกับการถ่าย Leica 35mm แต่ในปี 1949 คุณไปฝรั่งเศษและอิตาลีโดยใช้กล้องใหญ่ Rolleiflex ทำไมถึงเอามาแทน Leica?
Elliott Erwitt: ผมใช้กล้องบางตัวในสถานการณ์บางอย่าง
คุณได้ใช้ Speed Graphic ด้วยไหม
Elliott Erwitt: ผมเคยใช้หลายๆตัว Speed Graphic, Graflex
แล้วกล้องตัวไหนที่คุณชอบที่สุด
Elliott Erwitt: Leica M3 ฉันใช้มันมากที่สุด

คุณเคยใช้เครื่องวัดแสงไหม หรือใช้สัญชาติญาณ
Elliott Erwitt: ไม่ค่อยได้ใช้เครื่องวัดแสงนะ เราควรจะรู้เงื่อนไขต่างๆ และทำความคุ้นเคยกับมัน แม้เราอาจคิดผิดแต่ก็ยังคงได้ภาพที่ดี
สามารถดูผลงานของ Elliott Erwitt เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเขา