โรคหลีกเลี่ยงอุปกรณ์ คืออะไรกัน และช่วยในการถ่ายภาพอย่างไร ?

0

ผมได้ไปอ่านบทความหนึ่งที่น่าสนใจของ neoprime เกี่ยวกับโรคที่หลีกเลี่ยงอุปกรณ์กล้อง ซึ่งมันช่วยให้การถ่ายภาพของคุณดีขึ้นได้อย่างไร ลองตามมาอ่านกันดูครับ

GAS, หรือชื่อเต็มที่เรียกว่า  Gear Acquisition Syndrome แปลเป็นไทยประมาณว่า โรคที่อยากครอบครองอุปกรณ์ หรือหลายคนเรียกว่า “บ้าอุปกรณ์” ซึ่งเจอบ่อยมาในเหล่าช่างภาพ อาการคือเมื่อมีอุปกรณ์ใหม่ๆมา ก็อดรน ทนไม่ได้ที่จะไขว่ขว้ามาครอง เพื่อ อัพเกรด ของที่มีอยู่ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกว่า  option เยอะกว่า โดยมีความเชื่อว่าจะได้รูปที่ดีกว่า

แต่คุณเคยคิดในด้านตรงกันข้ามของโรคนี้ไหม นั่นคือ Gear Avoidance Syndrome ถ้าแปลตรงๆ ก็คือโรคหลีกเลี่ยงอุปกรณ์ โรคนี้มันดีสำหรับคุณ สำหรับการถ่ายภาพของคุณ และ กระเป๋าตังค์ของคุณ

ก่อนที่เราจะพูดถึงรายละเอียด เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า ไอ้โรคนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ ส่วนใหญ่แล้วมันขึ้นอยู่กับประเภทการถ่ายภาพของคุณ ถ้าคุณเป็นช่างภาพ landscape, ช่างภาพงานแต่ง, หรือประเภทอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เยอะ เพื่อสร้างงานออกมาได้ มันไม่ส่งผลมากนัก

แต่ทำไมเป็นเรื่องที่แย่หากคุณมีอุปกรณ์เยอะแยะมากมาย เมื่อคุณมีอุปกรณ์ทุกตัวที่คุณอยากได้และสามารถถ่ายมันได้ตามที่คุณจินตนาการไว้  จริงหรอ?

เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังโรค Gear Avoidance Syndrome นี้คือหลักการง่ายๆ ทางจิตวิทยา ที่เรียกว่า “Paralysis By Analysis” หรือ “The Paradox of Choice”

Analysis(วิเคราะห์) Paralysis(อัมพาต) อธิบายง่ายๆ คือ เมื่อคุณวิเคราะห์มากเกินไปสุดท้าย ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ในที่นี้หมายถึงคิดวิเคราหะ์เกี่ยวกับด้านเทคนิคและสภานการณ์มากเกินไป เมื่อมีความคิดเกี่ยวกับอุปกรณ์มากเกินไป มันจะดึงดูดความคิดไปจาก ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ หากอธิบายสั้นๆคือ ยิ่งมีมาก ก็ยากที่จะเลือก เพราะยิ่งมีอุปกรณ์มาคุณก็จะติดอยู่กับความคิดเรื่องอุปกรณ์

Contemplating André Wagner
ลองจินตนาการว่าคุณถ่ายแนว street และคุณกำลังเดินรอบเมือง เพื่อถ่ายภาพจังหวะดีๆ แต่คุณถืออุปกรณ์มาเยอะแยะเลย มีกระเป๋าเป๋มาเลย เลนส์ตั้งแต่ Wide เลนส์ฟิก และเลนส์ซูม ระยะตั้งแต่ 10 ถึง 300 mm. บอกชื่อเลนส์มาซิ คุณมีมันหมดทุกตัวแหละ เพื่อให้น่าสนใจยิ่งขึ้น คุณมีกล้องสำรองอีกตัว รวมถึงขาตั้ง คุณมีความสุขมากที่มีทั้งหมดนั่น ขณะที่คุณมองหาสิ่งที่น่าสนใจเพื่อจะถ่ายคุณก็จะตรวจสอบดูอุปกรณ์ว่าจังหวะนี้เวลานี้ควรใช้อุปกรณ์แบบไหน ทั้งที่รู้ตัวหรืออาจไม่รู้ตัวก็ได้ “ถ้าเรามีเลนส์ซูม Tele เมื่อกี้นะเราก็สามารถถ่ายภาพชายกระโดดลงมาบนถนนได้”  คุณก็เลยใส่เลนส์ซูมเข้าไป และคิดว่าอาจได้ถ่ายช๊อตคล้ายเมื่อกี้อีก ผ่านไปซักพักคุณก็ยังพยายามใช้เลนส์ซูม Tele อยู่ คิดว่ามันจะสะดวกสบาย แต่คุณอยากได้ภาพโบเก้สวยๆขึ้นมา ก็เลยใส่เลนส์ฟิกเข้าไป ในวันดีๆที่เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจให้ถ่าย แต่คุณมีศักยภาพพร้อมที่จะถ่ายมันหรือเปล่า ?
เอาใหม่ จินตนาการว่าคุณมีแค่กล้องตัวเดียว และเลนส์ตัวเดียว เป็นเลนส์ 35mm เดี๋ยวก่อนๆ ทำไมไม่เป็นเลนส์ 18-200mm นะหรอ มันยังเกี่ยวข้องกับเทคนิคอยู่นะซิ และคุณภาพก็ไม่ได้ดีกว่า อีกอย่างมันไม่ท้าทายพอที่จะพัฒนาการถ่ายภาพของคุณ
ตัวเลือกทั้งหมดที่คุณรักมันได้หายไปแล้ว มีแค่อย่างเดียวที่คุณมีซึ่งซูมไม่ได้ด้วย ซึ่งมันเป็นโลกที่ต่างจากเดิมที่คุณมีเลนส์มากมายนัก คุณได้พบว่าคุณคิดเกี่ยวกับเรื่องอุปกรณ์น้อยลงมาก เพราะไม่มีอะไรต้องคิดอีกต่อไป มีอย่างเดียวที่ต้องคิดคือ อะไรจะเกิดขึ้นตรงหน้าเรา  เมื่อคุณมีเลนส์เดียว คุณก็รู้จักมันดี รู้ข้อดีข้อเสีย ของมัน
เมื่อคุณยิงเป็นโรค Gear Avoidance Syndrome คุณก็ยิ่งโตขึ้นในด้านการถ่ายภาพ แม้ว่าจะมีตัวเลือกที่น้อยลง แต่คุณจะมีจินตนาการได้มากขึ้น เมื่อคุณรู้จักเลนส์ 35mm ดีแล้ว ทำไมไม่ขายมันแล้วไปลอง 18mm หรือ 50mm ล่ะ ? แล้วแต่คุณชอบ ออกไปสำรวจโลกกันเถอะ !!
การเป็น Gear Avoidance Syndrome ไม่เพียงแต่สบายกระเป๋าของคุณแล้ว ยังทำให้ฝีมือคุณดีขึ้น และย้ำอีกครั้งว่า การมีอุปกรณ์ที่ดีเป็นเรื่องที่ดี และ Gear Avoidance Syndrome มันไม่ได้เหมาะกับทุกคนแต่มันช่วยย้ำกับคุณว่าคุณมีอุปกรณ์ที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นั่นคือ สายตา, จิตใจ และ จิตวิญญาณ ของคุณ !
Credits: neoprime
valen