กล้อง Olympus OM-D E-M1 Mark II ตัวเล็ก สเปคแรง

0

กล้อง Olympus OM-D E-M1 Mark II เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว (2016) และถือเป็นกล้องตัว TOP ของ Olympus ในขณะนี้ และเป็นกล้องที่ให้ฟังก์ชั่นมาจัดเต็มมากๆ สเปคเป็นอย่างไร แล้วมีฟีเจอร์อะไรเด็ดๆบ้าง มาดูกันครับ

ลักษณะทางกายภาพ

กล้อง Olympus OM-D E-M1 Mark II เป็นกล้อง Mirrorless ระดับ High-End น้ำหนัก 498 กรัม ขนาดกล้องกว้าง 13.4 ซม. สูง 9.1 ซม. หนา 6.9 ซม. มีการซิล ป้องกันฝุ่น ละอองน้ำ โดนฝนได้ ทนต่อสภาพเย็นได้ถึง -10°C

ปุ่มควบคุมต่างๆอยู่ด้านขวาทำให้ถ่ายได้ด้วยมือเดียว กล้องตัวนี้ตั้งค่าได้เยอะมากๆ เลยมีโหมด C1 C2 C3 เพื่อ Custom ค่าต่างๆที่เราใช้เป็นประจำมาไว้ในโหมดนี้ ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น

คุณสมบัติเด่นๆ

  • ถ่ายภาพต่อเนื่องในโหมด AF/AE tracking ได้ความเร็วสูงสุดถึง 18 ภาพต่อวินาที ทำให้จับการเคลื่อนไหวในระดับเสี้ยววินาทีได้ และ 60 ภาพต่อวินาทีในระบบ S-AF
  • หน่วยประมวลผล TruePic VIII ประกอบด้วย CPU Dual Quad Cores แบ่งการทำงาน โดย 4 Cores แรกประมวลผลภาพ 4 Cores ที่เหลือควบคุมการทำงานต่างๆ ของกล้อง ทำให้การทำงานเร็วขึ้น และ ระบบออโต้โฟกัสเร็วขึ้นด้วย (เร็วกว่ารุ่นเดิมถึง 3.5 เท่า)
  • และเซ็นเซอร์ Live MOS 20.4 ล้านพิกเซล ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ และมีความไวแสงสูง หน้าเซ็นเซอร์มี Anti-Reflective Coating ช่วยลดแสงฟุ้งและแสงแฟร์ ให้ภาพออกมาคมชัดมากขึ้น
  • ระบบกันสั่น 5 แกน ซึ่งเป็นระบบกันสั่นที่มีประสิทธิภาพสูงมากๆ โดยสามารถชดเชยการสั่นได้ถึง 5.5 Stop ของความเร็วชัตเตอร์ และ 6.5 Stop เมื่อใช้งานร่วมกับ Sync IS นอกจากนี้ยังผสานการทำงานร่วมกับ ระบบ IS อิเล็กทรอนิกส์ ในการบันทึกวีดีโออีกด้วย ทำให้สามารถถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์คุณภาพสูง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง
  • จุดโฟกัส 121 จุดโฟกัส และเป็น cross type ทั้งหมดซะด้วย มีทั้งระบบ Contrast AF และ On-chip Phase Detection AF
  • โหมด Silent กล้องตัวนี้เป็นกล้องที่มีความเร็วสูง เน้นการเก็บช็อตในระดับเสี้ยววินาที ไม่ว่าจะเป็น Wildlife, Street ฯลฯ ซึ่งความเงียบในการถ่ายช่วยในการถ่ายประเภทนี้อย่างมาก

สเปคกล้อง

  • เซนเซอร์ 20.4MP Live MOS
  • หน่วยประมวลผล TruePic VIII Dual Quad Core
  • ระบบ Micro Four Thirds
  • ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ OLED 2.36 ล้านจุด ความเร็วสูงถึง 120 fps
  • หน้าจอสัมผัส 3.0 นิ้ว 1.04 ล้านจุด หมุนได้หลากหลายองศา ถ่ายภาพในมุมต่างๆได้ง่ายขึ้น
  • วีดีโอ 4K DCI 4K/24p & UHD 4K/30p
  • กันสั่น 5 แกน Sensor-Shift Image Stabilization
  • ระบบออโต้โฟกัส Dual FAST AF 121 จุด All Cross-Type
  • รองรับทุกสภาพอากาศ ฝน ฝุ่น และ อากาศหนาว (-10°C)
  • ISO 64 – 25600
  • Floating Shutter ที่ทนทาน จากการทดสอบการทำงานถึง 200,000 ครั้ง
  • การ์ด 2 Slots โดยสามารถจัดการได้หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น ใส่ข้อมูลเหมือนกัน, รอให้อีกใบเต็มแล้วย้ายมาอีกใบ หรือ ถ่ายภาพลงการ์ดหนึ่ง แล้ว วีดีโอลงการ์ดหนึ่งก็ได้ Raw การ์ดหนึ่ง แล้ว Jpeg อีกการ์ดหนึ่งก็ได้
  • Shutter Speed 1 นาที – 1/32000วินาที
  • แบต Li-ion, BLH-1, 1720mAh ถ้าถ่ายสถานการณ์ปกติ 1 วันสบายๆ
  • Wi-Fi
  • USB 3.0 ส่งข้อมูลได้เร็ว

ฟีเจอร์พิเศษ

  • Focus Stacking หากอยากได้ภาพชัดทั้งภาพ ฟังก์ชั่นนี้เหมาะอย่างยิ่งเพราะ ระบบจะขยับจุดโฟกัสไปเรื่อยๆ และมารวมกันเป็น 1 ภาพ เป็นที่ถูกใจสำหรับสายมาโครอย่างยิ่ง
  • Live Composite ที่ช่วยให้ถ่ายยามค่ำคืนได้สวยงามมากขึ้น โดยจะเก็บภาพมาเฉพาะส่วนที่สว่างขึ้นมาใหม่ หรือแสงที่มีการเคลื่อนไหว ทำให้ส่วนที่แสงไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่สว่างจนเกินไป
  • Pro Capture สาหรับการถ่ายภาพจังหวะการเคลื่อนที่ในเสี้ยววินาที
  • High Res โดยมีการถ่ายภาพมา 8 ภาพ โดยขยับเซนเซอร์ 0.5 พิกเซล ในแต่ละภาพ แล้วรวมกันออกมาเป็น 50 ล้านพิกเซล ทำให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูงเทียบเท่ากล้องขนาดใหญ่ Full Size
  • AF Limiter เป็นการตั้งค่าระยะว่าให้โฟกัสได้แค่ช่วงไหน ทำให้ ออโต้โฟกัสทำงานได้เร็วขึ้น
  • Keystone Compensation ที่มีฟีเจอร์เสมือนการใช้เลนส์ Tilt-Shift ให้กับทุกเลนส์ และสามารถควบคุมการชดเชยหรือปรับ Perspective และตรวจสอบผลลัพธ์ได้ทันทีในจอ Live View ปรับแก้ไขภาพหรือมุมมองทรงสี่เหลี่ยมคางหมูได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนพร้อมกัน ทำให้สามารถถ่ายได้หลากหลายสถานการณ์มากยิ่งขึ้น

ฟีเจอร์อื่นๆ

  • ระบบโฟกัสต่อเนื่อง ที่สามารถปรับความไว(Sensitivity) ได้เช่น ถ้าไวมาก สมมติกล้องโฟกัสคนปั่นจักรยานอยู่บนถนน แล้วมีมอไซค์ขับมาเร็วมากตัดหน้ากล้อง มันจะโฟกัสมอเตอร์ไซค์ แต่ค่า Default ที่กล้องตั้งมาให้ ใช้งานได้เหมาะสมในหลายๆสถานการณ์อยู่แล้ว
  • Preset MF ช่วยให้เลือกตำแหน่งโฟกัสได้อย่างรวดเร็วเมื่อใช้ แมนนวลโฟกัส
  • AF Home settings คุณสามารถตั้งค่าให้กับปุ่มใดปุ่มหนึ่ง และโปรแกรมที่คุณใช้เป็นประจำ ทั้ง AF target position, AF Target mode, และ AF mode เป็น AF Home ของคุณ เพียงเเค่กดปุ่มที่ตั้งค่าไว้ เพื่อรีเซ็ตการตั้งค่า AF ที่คุณบันทึกไว้
  • Lowest S/S (shutter speed)
  • Save setting เนื่องจากกล้อง Olympus OM-D E-M1 Mark II ตั้งค่าได้เยอะมากๆ และจำเป็นต้องตั้งค่าเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของเรา จึงมีระบบดึงการตั้งค่าต่างๆ ไปไว้ในคอมพิวเตอร์ และ ดึงเข้ากล้องได้เมื่อต้องการใช้งานประเภทนั้นๆ
  • จัดการไฟล์และโฟลเดอร์ภาพได้ง่าย เพราะสามารถเลือกโฟลเดอร์ปลายทางสำหรับบันทึกภาพในกล้องได้
  • เลือกสีของ Grid ได้
  • ฟิลเตอร์ต่างๆในกล้อง ไม่ว่าจะเป็นแนว Vintage, Selective Color, Soft Color, โทนฟิล์ม ฯลฯ

[ngg_images source=”galleries” display_type=”photocrati-nextgen_basic_slideshow” gallery_width=”600″ gallery_height=”400″ cycle_effect=”fade” cycle_interval=”2″ show_thumbnail_link=”0″ thumbnail_link_text=”[Show thumbnails]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″] 

  • HDR
  • อื่นๆอีกมากมาย

อุปกรณ์เสริม

  • กริป HLD-9 ทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดย HLD-9 ใส่แบตเพิ่มได้อีก 1 ก้อน โดยกริปมีปุ่ม แป้นกดลูกศรเหมือน Dial ควบคุมอีกสอง และปุ่มฟังก์ชันอีก 2 ปุ่ม เหมือนกับที่ตัวกล้องเลย
  • แฟลชอิเล็กทรอนิกส์ FL-900R แฟลชอิเล็กทรอนิกส์ตัว Top กำลังสูง ที่มีประสิทธิภาพในการถ่าพต่อเนื่องความเร็วสูงที่สุดในคลาส ถึง 10 fps รองรับโหมด Multi Flash, High Res. Shot Focus Stacking, และ Focus Bracketing
  • Macro Flash, STF-8 รุ่นแรกของโลก ที่มีโครงสร้ำงที่สามารถป้องกันละอองน้ำ ป้องกันฝุ่น และอากาศเย็น (-10°C)
  • สายลั่นชัตเตอร์แบบ Pin Jack
  • ตัว Housing ป้องกันน้ำได้ลึกถึง 60 เมตร
  • กระเป๋ากล้องสะพายหลัง CBG-12 ตัวกระเป๋ามีการบุด้วยวัสดุที่อ่อนนุ่มด้านหลัง ขนาดนำขึ้นเครื่องบินได้ ออกแบบมาพิเศษสำหรับกล้องตระกูล OM-D มีสายคล้องไหล่ที่ยาวออกแบบมาเพื่อลดภาระของร่างกาย มีช่องเปิดด้านข้างเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็น

ข้อเสีย

อย่างแรกเลยคงเป็นเรื่องราคา เนื่องจากเป็น Micro Four Thirds และราคาเจ็ดหมื่นกว่าบาท บางคนมองว่าไม่คุ้มค่า แต่กล้องตัวนี้จัดฟีเจอร์ต่างๆมาให้เต็มจริงๆ ที่กล่าวไปด้านบนเป็นแค่ส่วนหนึ่งครับ ถ้าเขียนให้ละเอียดทุกฟังก์ชั่นคงต้องแบ่งเป็นหลายภาค และบางงานต้องห้ามพลาดช็อตสำคัญๆ ต้องการเก็บภาพในเสี้ยววินาที และงานเหล่านั้นมักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ก็เกิดความคุ้มค่าได้ เพราะฉะนั้นผมว่าเรื่องของความคุ้มค่าขึ้นอยู่กับการเอาไปใช้งาน

อย่างที่สองปุ่มและเมนูเยอะมาก เนื่องจากมีฟังก์ชั่นเยอะแยะมากมาย เริ่มจับกล้องแรกๆ อาจงง แต่เมื่อเราคุ้นเคยแล้วปุ่มต่างๆ เหล่านี้จะช่วยทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้น

สรุป

กล้องตัวนี้ขนาดเล็กเบา ให้มาครบเครื่องโดยเน้นไปด้านความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นระบบออโต้โฟกัสได้อย่างแม่นยำแม้สะภาวะแสงน้อย ถ่ายต่อเนื่องได้พร้อม AF/AE tracking ถึง 18 เฟรมต่อวินาที และจุดโฟกัสให้มาอย่างล้นหลาม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เน้นการจับภาพในเสี้ยววินาที ไม่ว่าจะเป็นแนว Sport, Street, Wildlife หรือ Action แต่ถามว่ากล้องที่ความเร็วขนาดนี้ เหมาะกับการถ่าย Landscape ไหม ก็สามารถถ่ายได้ครับ และ DR นั้นมีประสิทธิภาพเกินคาดไปมาก นอกจากนี้มีระบบกันสั่น 5 แกนของ Olympus ที่เลื่องชื่อ ปุ่มและเมนูต่างๆ มีมากมาย แรกๆอาจไม่ชิน อาจต้องทำความตุ้นเคยซัก 1 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย เมื่อคุ้นเคยแล้วจะทำงานได้เร็วขึ้น และมีฟีเจอร์มากมายตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรจะอ่านคู่มือให้ครบถ้วน เพื่อจะได้ไม่พลาดฟังก์ชั่นดีๆ ที่ตัวกล้องให้มา

LINE it!