ทาง World Camera ได้ส่งกล้องน้องใหม่อย่าง Canon 800D มาให้ผมรีวิว และครั้งนี้ผมตัดสินใจเขียนเป็นทริปเพื่อให้เห็นถึงการใช้งานจริงๆ และผู้ชมสามารถตามไปถ่ายรูปได้ ทริปครั้งนี้จะใช้งบแค่ 800 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
หลายคนสงสัยว่า 800 บาทจะพอจริงๆหรอ แล้วอยู่กินลำบากแค่ไหน จริงๆแล้วใครที่อยากกินดีอยู่ดีกว่านี้ก็สามารถเพิ่มเงินซื้อความสะดวกได้ครับ แต่เผื่อมีคนอยากเที่ยวแต่งบน้อยก็สามารถตามทริปนี้ได้ การทำทริปแบบงบจำกัดมันยากกว่าอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ ผมสปอยล์ให้ฟังก่อนว่า 800 บาทนี้ เราจะไปนอนเต้นท์สัมผัสบรรยากาศกลางทุ่งนา เรียนรู้วิถีชาวนา เลี้ยงสัตว์ต่างๆ, ไปถ่ายน้ำตกที่มีเป็นร้อยชั้น, ไปชมดวงอาทิตย์ตกในจุดสวยๆ, ไปเดินสะพานสวยๆในระดับความสูงเดียวกับยอดต้นไม้ใหญ่ ทานบะหมี่ในตำนานเปิดมากว่า 60 ปี , ติ่มซำอร่อยๆ และอีกมากมาย พร้อมที่จะไปเที่ยวกันรึยัง?
อุปกรณ์ที่จะออกทริปครั้งนี้นอกจากกล้องและอุปกรณ์ที่ติดมา ทาง Wolrd Camera ก็ให้เลนส์คิท 18-55 mm และเลนส์ wide 10-18 mm พร้อม CPL-Filter มาด้วยครับ
ก่อนจะออกทริปเราต้องรู้จักกล้องเรากันก่อน กล้อง Canon 800D เป็นกล้อง Dx เซนเซอร์ APS-C ตัวเล็กน้ำหนักเบาประมาณ 500 กรัม ซึ่งปกติผมจับ Fx ตัวเก่า แล้วมาจับตัวนี้ความรู้สึกแรกคือ “งง” ครับ งงปุ่ม งงการใช้ มีบางอย่างที่หงุดหงิดบ้างเช่นปรับรูรับแสง ปกติหมุนปุ่มเดียว แต่กล้องตัวนี้ต้องกดปุ่ม Av ค้างไว้ก่อน แต่ถ้าให้สะดวกหน่อยก็ใช้จอสัมผัสครับ แต่หลังจากอ่านคู่มือและใช้ไปสักพักก็เริ่มเข้ามือ และด้วยความที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ หลายๆฟีเจอร์ดีกว่ากล้อง Fx ที่ผมใช้อยู่ด้วยซ้ำ มีฟีเจอร์หลักๆ ดังนี้
- ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล
- จุดออโต้โฟกัส 45 จุดแบบ cross-type
- ออโต้โฟกัสแบบ Dual Pixel
- การเชื่อมต่อ มี Wi-Fi, NFC, และ Bluetooth
- 6FPS
- วีดีโอ Full-HD 60p
- จอแบบสัมผัส หมุนพับได้
เอาล่ะ ทำความรู้จักกับอุปกรณ์ของเราแล้ว เราเริ่มเดินทางกันได้ !!
ปล. ภาพทั้งหมดไม่ได้ปรับแต่งหรือปรับแต่งน้อยมาก ยกเว้นภาพที่ถ่ายช่วงดวงอาทิตย์ขึ้นและตก จะแต่งเยอะเพราะ DR เยอะ
ผมเดินทางโดยการเช่ารถครับ มีร้านเช่ารถอยู่มากมายที่หน้าสถานีรถไฟ หากคุณมาโดยรถไฟก็เดินมาข้างหน้าก็จะถึงเลย ผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์ 200 บาท เพราะทางที่เราจะไปข้างทางส่วนมากเป็นต้นไม้ ขับมอเตอร์ไซค์น่าจะสัมผัสบรรยากาศได้มากกว่า ส่วนใครกลัวร้อนก็เช่ารถยนต์กันได้ เราเดินทางจากตัวเมืองตรัง มุ่งหน้าไปยังทีร้านหม่านเซ่งหลุ่ง (พิกัด 7.784575, 99.635754) เพื่อทานมื้อเที่ยง ร้านนี้มีประวัติยาวนานเปิดมาเกือบ 70 ปีแล้ว จุดเด่นคือทำเส้นเอง เส้นเหนียวนุ่ม อร่อย และราคาถูกแค่ 35 บาท
ระบบออโต้โฟกัสของกล้องตัวนี้พึ่งพาได้จริงๆครับ ทั้งฉลาดและเร็ว ครับ
จากนั้น แล้วเราไปที่พักกันก่อนเพื่อเก็บของ เราพักกันที่ครัวกลางนา หรือ farmer country (พิกัด 7.787561, 99.464486)
บรรยากาศดีอยู่กับธรรมชาติ ลองทดสอบวีดีโอ ฟังเสียงไก่ขันกันดูครับ (น่าจะเป็นเสียงไก่บ้านด้านหลังนะครับไม่ใช่ไก่งวง) ธรรมชาติจริงๆ
ที่พักที่นี่มีแบบเตนท์ 150 บาทแต่จองผ่าน agoda เพียง 93 บาท และแบบห้องในเกสต์เฮาส์ 300 กว่าบาท กดจองที่นี่ เราเลือกแบบเตนท์ครับ
เรานำสัมภาระบางส่วนไปไว้ แล้วออกเดินทางต่อไปยัง น้ำตกร้อยชั้นพันวัง (พิกัด 7.895163, 99.317809) เดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง จอดรถในที่จอดรถแล้วเดินเท้าเข้ามาประมาณ 5-10 นาที ที่นี่ไม่มีสัญญานมือถือ และห้องน้ำไม่สะอาด ควรทำธุระก่อนเข้ามา
จะพบกับน้ำตกสวยๆ หลายชั้นมากมาย ตรงสะพานไม้ให้เดินด้วยความระมัดระวังหน่อย
เลยสะพานมาแล้วสามารถขึ้นไปได้อีกแต่ไม่มีทางเดินสะดวกสบายเหมือนตอนแรก
ถ่ายรูปคู่กับต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งมีอยู่มากมาย
น้ำตกที่นี่มีหลายชั้นและหลายแอ่งน้ำ จึงชื่อว่า “ร้อยชั้นพันวัง” ระยะทางแต่ละชั้นไม่ไกลเท่าไหร่
ถ่ายน้ำตกไม่ควรเกิน 16.30 น. เพราะเราจะไปเตรียมตัวถ่ายดวงอาทิตย์ตกที่อ่างเก็บน้ำคลองทรายขาว (พิกัด 7.867056,99.422881)กันต่อ ภาพที่นี่แต่งทั้ง 3 ใบครับ เพราะความต่างแสงมากเกินไปครับ กล้องมีระบบ bracketing สามารถถ่ายคร่อมแล้วมาแต่งได้ง่าย
ช่วงปีนี้อ่าวเก็บน้ำคลองทรายขาวกำลังก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง วิวทิวทัศน์จะเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาก่อสร้างครับ
เมื่อถ่ายเสร็จก็ประมาณเกือบทุ่มนึง ก็รีบกลับมายังที่พักครับ อาบน้ำ กินข้าว ครับ ห้องน้ำสะอาด ยังใหม่อยู่ครับ แต่ต้องนำผ้าเช็ดตัว สบู่มาเองนะ
ภาพด้านบนนี้ถ่ายจากจุดที่เรากางเตนท์ครับ มองดูท้องนา ดูดาว เพลินดีเหมือนกัน ภาพนี้ JPEG หลังกล้องครับ ISO 12800 ถ้าเน้นคุณภาพอาจไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าแค่โพสลง social สบายๆครับ
จุดกางเตนท์อิสระมาก เราจะกางตรงไหนก็ได้ หรือไปกางในโรงเรียนชาวนาก็ได้ และมีอาคารที่ร่ม สำหรับไปกางเตนท์ด้านในได้เช่นกันหากกลัวฝน จากนั้นเราก็นอนครับ เพราะต้องรีบไปถ่ายแสงเช้า
แสงเช้าที่เราจะมาถ่ายกันคือที่พรุจูด (พิกัด 7.783054, 99.506116) หรือที่หลายคนเรียกว่าปางอุ๋งเมืองตรัง ไม่ไกลจากที่พักนักขับรถไม่ถึง 10 นาที มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำ ช่วงเช้าจะมีหมอกตามผิวน้ำ
และวันนี้โชคร้ายพอสมควร เพราะแพไม่ต่อกัน แล้วหมอกเยอะจนไม่เห็นอะไรเลยดังภาพด้านบน แต่ผมเคยโชคดี เคยถ่ายไว้ ก่อนที่จะมาทริปนี้ ขอนำมาให้ดู เพื่อให้เห็นความงามของสถานที่ครับ
ต่อไปเราไปทานอาหารเช้าที่ในตลาดห้วยยอดกัน เป็นติ่มซำ ชื่อร้านจิระพาณิชย์ (พิกัด 7.785421, 99.636139) เปิดขายมา 25 ปีแล้ว บรรยากาศร้านเก่าๆ คลาสสิค ติ่มซำถูกกว่าในเมืองเกือบเท่าตัว แต่มีให้เลือกน้อยกว่าในเมืองเยอะครับ
กินอิ่มแล้ว เราจะไปสวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่าย (พิกัด 7.468366, 99.635790) ขับรถไกลพอสมควรประมาณ 40 นาที มาถึงก็จะเป็นการเดินป่าแบบชิวๆ ชมพืชพรรณต่างๆ
และจุดเด่นที่นี่คือสะพานสีแดงตัดกับความเขียวของป่า และมีความสูงหลายระดับ
สูงถึงยอดไม้กันเลยทีเดียว ใครกลัวความสูงจริงๆ ก็สามารถเดินไปด้านล่างได้ครับ
และเดินชมป่าพรุ รวมทั้งหมดกินเวลาประมาณ 1-2 ชม.
เมื่อเดินเสร็จก็ประมาณเที่ยง เราก็กลับมาที่ตัวเมือง และมาถึงตรังแล้วต้องกินหมูย่างเมืองตรัง จานละ 40 บาทที่ร้านตรังหมูย่าง (เปิดเช้า – บ่ายโมง) จากนั้นก็เดินชมเมืองตรัง แล้วก็เดินทางกลับครับ
ค่าใช้จ่าย
- เช่ามอเตอร์ไซค์ 200
- น้ำมัน 150
- บะหมี่หม่านเซ่งหลุ่ง 40
- อาหารเย็น 40
- ที่พัก 100
- ติ่มซำห้วยยอด 70 บาท
- ข้าวหมูย่าง 40 บาท
รวม 640 บาท เหลือเงินอีก 160 บาท ไว้ซื้อขนมกินเล่น
สิ่งที่ประทับใจกับกล้อง Canon 800D คือน้ำหนักเบามาก แบกกล้องทั้งวันยังไม่เมื่อย ไม่เหมือนกล้องรุ่นใหญ่ๆ ความละเอียดสูง จอสัมผัสและพับได้ สะดวกมากเวลาถ่ายมุมสูงหรือมุมต่ำ โฟกัสเร็ว แบตอึดและมีระบบประหยัดพลังงาน ถ่าย 2 วันชาร์จแค่ครั้งแรกครั้งเดียว มีระบบแนะนำการถ่ายภาพในกล้องสำหรับมือใหม่ ส่วนสิ่งที่ไม่ค่อยประทับใจคือ ตั้งค่ากล้องบางอย่างยากไป เช่นปรับรูรับแสงต้องกดถึงสองปุ่ม ตอนแรกก็แอบบ่นในใจ แต่พอไปเล่นรุ่นเล็กๆของค่ายอื่นปรากฏว่าเป็นเหมือนกัน เลยยอมรับได้, ช่องมองภาพครอบคลุมประมาณ 95% หากคิดจะจบหลังกล้อง(ไม่ครอป)จะลำบากหน่อย ต้องใช้ Live View (ครอบคลุม 100%) แทน
ราคาประมาณ กล้องพร้อมเลนส์คิต 18–55mm อยู่ที่ 32,900 บาท หาซื้อได้ที่ World Camera ครับ
