กล้องโพลารอยด์กลับมาฮิตในหมู่วัยรุ่น อีกครั้ง เพราะถ่ายปุ๊ป รูปออกปั๊บ ได้รูปทันที และราคาก็ไม่แพง ส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-3 พันบาท มันจะไปแพงตรงกระดาษแทน ฮ่าาๆ และวันนี้เราจะมารีวิวกล้องโพลารอยด์ยี่ห้อดังอย่าง Fujifilm เขาทำออกมาหลายรุ่น รุ่นที่จะรีวิววันนี้คือ Instax mini 8
หากใครอยากได้กล้องตัวนี้ฟรี ไปเล่นกิจกรรมประกวดภาพถ่ายของเครื่องดื่ม กุมิกุมิ หัวข้อ “Gumi Gumi #SNAP COLOR FUN #แชะให้ FUN สีสันให้โดน” อ่านรายละเอียดที่นี่
Fujifilm Instax mini 8 มี 7 สี ด้วยกัน มาใหม่ 2 สี
ตัวที่ผมจะรีวิววันนี้คือสีม่วงครับ
สิ่งที่อยู่ในกล่อง คือ
- กล้อง Fujifilm Instax mini 8
- สายคล้องมือ
- ถ่าย AA 2 ก้อน
- คู่มือ และใบรับประกัน
ไม่แถมฟิล์มมานะครับ ซื้อแยก 10 แผ่น สองร้อยกว่าบาท 20 แผ่น สามร้อยกว่าบาท
ลักษณะภายนอก
กล้องเป็นพลาสติกคุณภาพสูง แต่ดูไม่ค่อยทนทานนัก ขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร แต่น้ำหนักแค่ 307 กรัม กว้าง 4.6 นิ้ว สูง 4.7 นิ้ว มาพร้อมกับ เลนส์ fujinon 60mm กล้องความละเอียด 0.6 ล้านพิกเซล ซูมได้ 2 เท่า
ฟิล์มที่ใช้จะเป็น Fujifilm instax instant film mini ที่หาซื้อได้ตามร้านกล้องทั่วไป
มีแฟลชซึ่งมันจะยิงแฟลชทุกครั้งที่ถ่าย มีช่องใส่ถ่าน AA 2 ก้อน ปุ่มกดชัตเตอร์ ตรงเลนส์ ปรับความสว่างได้ตามสถานการณ์ต่างๆ ช่องใส่ฟิล์มและช่องปริ้น
ด้านหน้าจะมีแฟลช เลนส์ และช่องมองภาพ ซึ่งมองค่อนข้างยาก ถ้าเล็งผิดเหลี่ยมนิดเดียวก็จะมืด ปุ่มกดถ่ายก็อยู่ด้านหน้า ปุ่มเปิดจะอยู่ข้างเลนส์
ด้านบนเป็นช่องที่ภาพออกมาครับ
ด้านหลัง เป็นช่องใส่ฟิล์ม และเลขนับฟิล์ม
การติดตั้งและตั้งค่า
ใส่สายคล้องก่อน กันร่วง
ใส่กระดาษเข้าไป โดยให้แถบสีเหลืองตรงกัน ห้ามเอามือไปกดฟิล์มเล่น ไม่งั้นฟิล์มจะเสีย ใส่แล้วจะขึ้นตัวเลข S
กดตรงปุ่มใกล้ๆเลนส์ เลนส์จะเด้งออกมา พร้อมไฟแสดงสถานะ
เราสามารถปรับโหมดการถ่ายเช่นสภาพแสงจ้า(F32), สภาพแดดน้อย(F22), มีเมฆ(F16), ถ่ายในที่ร่ม F12.7 (กว้างสุด) โดยความเร็วชัตเตอร์ปรับไม่ได้มีค่ามาให้ที่ 1/60 คงที่ สามารถปรับภาพให้สว่างขึ้นได้ด้วยโหมด High Key ผมลองหมุนปรับตามสภาพแสง แต่ดูเหมือนกล้องจะไม่เอาค่าที่ผมปรับ แต่มันเลือกค่าให้เอง
ก่อนถ่ายจริงๆ ให้กดชัตเตอร์ก่อน 1 ครั้งให้แผ่นด้านนอกฟิล์มแผ่นแรก ออกมา จากนั้นจากตัว S เปลี่ยนมาเป็นเลข 10 ถ่ายเสร็จแล้วไม่ต้องสะบัดฟิล์มนะครับ รอซักพักภาพก็ออกมา แต่ไม่ควรให้โดนแสงแดดครับ
หลังจากถ่ายเสร็จรูปจะค่อยๆขึ้นมา
รอประมาณ 40 วินาที ถึงจะเห็นภาพชัดเจน
แฟลชจะถูกยิงตลอด ส่องได้ระยะ 2-9 ฟุต
ไม่มีระบบออโต้โฟกัส ควรกะระยะถ่ายให้ดีครับ
ราคา
ราคาเฉพาะกล้อง Fujifilm Instax mini 8 ประมาณ 2,700 บาท ฟิล์ม 20 แผ่น สามร้อยกว่าบาท
สรุป
หลังจากลองถ่ายด้วยกล้อง Fujifilm Instax mini 8 ถือเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง และถ้าคุณพลาดภาพที่ได้จะออกมาไม่ดี เท่ากับว่าเสียเงินค่ากระดาษใบนั้นไปฟรี
(หรือจะพูดว่าค่าประสปการณ์ก็ได้) ก็ถือว่าสนุกดี รูปลักษณ์ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ และการวัดแสงอัตโนมัติของกล้องทำได้ไม่ดี หลายภาพสว่างเกินไปไม่เห็นรายละเอียดส่วนสำคัญที่ต้องการให้เห็น เช่นหน้าคน ส่วนเงาที่ควรจะมืดกลับให้แสงที่พอดีแทน หากใช้ไปซักพักอาจคล่องมือและกะได้ถูกต้องก็ได้ และมีขอบขาวที่ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งด้วยครับ
แนะนำเทคนิคเล็กๆน้อยเพื่อถ่ายชิงรางวัลประกวดถ่ายภาพ Gumi Gumi #SNAP COLOR FUN #แชะให้ FUN สีสันให้โดน
สำหรับใครที่อยากได้กล้องตัวนี้ฟรี ตอนนี้เครื่องดื่ม กุมิกุมิ อร่อย ฟินฟัน เคี้ยวมันส์ ฝุดฝุด ได้จัดกิจกรรมถ่ายภาพแจกกล้องตัวนี้อยู่ พร้อมรางวัลอื่นอีกมากมาย ที่ http://www.facebook.com/iloveGumiGumi มาดูเทคนิคเล็กๆน้อยๆกันครับ
- เข้าใจโจทย์ จากโจทย์จะเห็นว่าเน้นสีสัน คอนเซปแนวสนุกสนาน ร่าเริง การเอา กุมิกุมิ ไปถ่ายแนวดาร์คๆ หลอนๆ อาจไม่เหมาะนัก ควรเน้นแนวร่าเริงสดใส
- เล่นกับสี กุมิกุมิ 5 รส และมีฉลาก 5 สี ควรเล่นกับฉลาก นำสีของฉลาก ไปเล่นกับสีของพื้นหลังหรือพร็อพ อาจเป็นสีเดียวกัน หรือสีที่ตัดกันก็ได้ หรืออาจใช้ทฤษฎีสีอื่นๆ อ่านต่อได้ที่นี่
- ไอเดียแปลกใหม่ ลองมาหาไอเดียแปลกๆ แลดูสนุก เช่น วาดภาพบนกระดาษเป็นฉากหลังที่เล่นกับเครื่องดื่ม กุมิกุมิ, ใช้ force perspective หรือ ภาพลวงตาที่ใช้มุมมองในการหลอกตาผู้ชม เป็นต้น ช่วยทำให้ภาพดูสนุกขึ้นได้ เช่นภาพด้านบนผมถ่ายขวด กุมิๆ ระยะใกล้ และคนระยะไกล จะดูเหมือนคนแบกกุมิๆ ยักษ์ครับ
ลองนำไปใช้ดูนะครับ ร่วมเล่นกิจกรรมคลิ๊กที่นี่
