ปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีของ Sony Alpha 7 ตัวแรก ซึ่งเป็นกล้องมิเรอร์เลสแบบเปลี่ยนเลนส์ฟูลเฟรม Alpha รุ่นแรก Sony เฉลิมฉลองโอกาสนี้ด้วยการประกาศความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในเทคโนโลยีการถ่ายภาพ Sony a9 III ซึ่งเป็น ILC ฟูลเฟรมเครื่องแรกของโลกที่เป็น Global Sensor
Sony เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในด้านกล้องมิเรอร์เลสมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ได้สร้างนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นก็เพิ่มขึ้นอีกสองรายการ
นอกเหนือจากเลนส์ 300 มม. f/2.8 ที่เบาที่สุดในโลก ซึ่งเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเทคโนโลยีออพติคอลแล้ว Sony ยังได้เปิดตัวกล้องแนวสปอร์ตตัวใหม่อีกด้วย
Sony a9 III กล้องฟูลเฟรม Global Sensor ตัวแรกของโลก กล้องนี้ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพแอ็กชันความเร็วสูง โดยปราศจากอาการ Blackout ที่ 120 เฟรมต่อวินาที พร้อมด้วยการจดจำโฟกัสอัตโนมัติแบบเรียลไทม์โดยใช้หน่วยประมวลผล AI เฉพาะ
Global Sensor มีประโยชน์มากมายสำหรับการถ่ายภาพ อย่างน้อยที่สุดก็คือการกำจัด Rolling Shutter ออกไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากทุกพิกเซลบนเซ็นเซอร์รับภาพจะถูกอ่านพร้อมกัน
a9 III มอบความเร็วในการถ่ายภาพใหม่ที่น่าประทับใจที่ 1/80,000 วินาที แม้ว่าความเร็วชัตเตอร์จะถูกจำกัดไว้ที่ 1/16,000 วินาที เมื่อถ่ายภาพต่อเนื่อง
การเปลี่ยนมาใช้ Global เซ็นเซอร์ยังมีประโยชน์อย่างมากในการถ่ายภาพด้วยแฟลช ทำให้สามารถซิงค์แฟลชที่ความเร็วชัตเตอร์ใดก็ได้
นอกจากนี้การใช้ global sensor ยังช่วยไม่ให้เกิด flicker (แสงกระพริบ) ซึ่งช่วยแก้ปัญหาให้กับช่างภาพที่ถ่ายด้วยแสงประดิษฐ์ สภาพแวดล้อมที่มีไฟ LED และหลอดฟลูออเรสเซนต์
ในเรื่องความเร็ว เซนเซอร์ภาพ CMOS แบบฟูลเฟรม Stacked 24.6 ล้านพิกเซลสามารถถ่ายภาพที่ 120 เฟรมต่อวินาที ฟังไม่ผิดครับ 120 เฟรมต่อวินาที พร้อมโฟกัสอัตโนมัติเต็มรูปแบบและการติดตามและวัดแสงอัตโนมัติ บัฟเฟอร์ 1.6 วินาที และ a9 III ยังสามารถถ่ายภาพ RAW 14 บิตในโหมดนี้ได้ ซึ่งเท่ากับข้อมูล 6GB/s
ช่องมองภาพ EVF พัฒนาขึ้นเพื่อให้เข้ากัน ทำให้มั่นใจได้ว่าการถ่ายภาพจะปราศจาก Blackout แม้ที่ 120fps ซึ่งหมายความว่า EVF จะรีเฟรชที่ 120Hz
กล้องใช้ตัวประมวลผล Bionz XR มีกำลังมากกว่าโปรเซสเซอร์ของ a9 Mark II ถึงแปดเท่า
โซนี่ยังได้เปิดตัว Pre-Capture ซึ่งช่วยให้ช่างภาพสามารถจับภาพช่วงเวลาก่อนที่จะกดชัตเตอร์ลงจนสุด โหมดนี้ยังทำงานที่สูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที ดังนั้นกล้องจึงบันทึกภาพอย่างต่อเนื่องสูงสุดหนึ่งวินาทีเต็ม เมื่อกดชัตเตอร์ กล้อง a9 III จะบันทึกวินาทีก่อนหน้า
แน่นอนว่าการถ่าย 120 fps นั้นมากเกินไปสำหรับหลายๆ สถานการณ์ Sony ได้เพิ่ม Speed Boost ซึ่งควบคุมโดยค่าเริ่มต้นด้วยปุ่มฟังก์ชั่น C5 ที่ด้านหน้าของกล้อง ด้วยการกดปุ่มกำหนดเอง ช่างภาพสามารถไปที่ 120 fps เมื่อจำเป็นเท่านั้น โดยไม่ต้องละนิ้วออกจากชัตเตอร์
Sony เคลมว่ามีระบบออโต้โฟกัสและการจดจำวัตถุที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน a9 III กล่าวคือ จำเป็นต้องมีการทดสอบภาคปฏิบัติเพื่อทราบถึงสิ่งที่แตกต่างใน a9 III จากกล้องที่ขับเคลื่อนด้วย AI รุ่นอื่นๆ เช่น a7R V อย่างถ่องแท้
ข้อมูลจำเพาะออโต้โฟกัสบางอย่างยังคงเหมือนเดิม รวมถึงระบบ AF 759 จุด จุดโฟกัสอัตโนมัติครอบคลุม 95.6% ของเซ็นเซอร์ภาพ โฟกัสได้ถึง -5 EV Sony ได้เพิ่มจุดโฟกัสขนาดเล็กพิเศษและใหญ่พิเศษ นอกเหนือจากตัวเลือกขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ขนาดเล็กพิเศษมีขนาดประมาณพื้นที่โฟกัสอัตโนมัติของดวงตา
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวห้าแกนในตัวกล้องกันสั่นไหวสูงสุดแปดสต็อป Sony กล่าวว่าเสถียรภาพของเฟรมได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยประสิทธิภาพของ IBIS ที่ซิงโครไนซ์
ในส่วนของวิดีโอ a9 III ถ่าย 4K/60p (6K oversampling) และภาพยนตร์ 4K/120p โดยไม่มีการครอบตัด ถ่าย 10 บิต 4: 2: 2 All-I, เอาต์พุต RAW 16 บิต, S-Cinetone และ S-Log3 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวของโหมดแอคทีฟแบบไดนามิก อย่างไรก็ตาม a9 III ถือเป็นกล้อง Alpha ตัวแรกที่นำเสนอวิดีโอ 4K/120p โดยไม่ต้องครอป
ลักษณะกล้อง a9 III ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย มีการออกแบบที่จับด้านหน้าที่ประณีตและถูกหลักสรีรศาสตร์ และจอภาพ LCD แบบหลายมุมสี่แกน ชัตเตอร์มีการออกแบบที่ตอบสนองรวดเร็ว ซึ่ง Sony บอกว่า “รู้สึกดีขึ้น” และ “ตอบสนองมากขึ้น” อย่างที่บอกไปแล้วว่าปุ่มฟังก์ชั่น C5 ที่ด้านหน้าเป็นปุ่มใหม่ แป้นหมุนเลือกโหมดขับเคลื่อนมีฟังก์ชันล็อคใหม่ ช่วยให้ใช้งานด้วยมือเดียวได้อย่างสมบูรณ์
จอ LCD 4 แกนเป็นจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 2,095,000 จุด และขอบเขตสีที่กว้าง (DCI-P3)
a9 III ทำงานควบคู่ไปกับกริ๊ปแนวตั้งที่เป็นอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบใหม่ ซึ่งเลียนแบบการออกแบบใหม่ของ a9 III รวมถึงกริ๊ปที่ได้รับการปรับปรุงและปุ่ม C5 นอกจากนี้ยังมีการจ่ายไฟแบบขนาน ซึ่งหมายความว่าแบตเตอรี่แต่ละก้อนจะถูกใช้งานพร้อมกัน ไม่ใช่ทีละก้อน
ราคา Sony a9 III
$5,999 หรือประมาณ 2 แสนต้นๆ บาท
